เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งความรัก เพราะในเดือนนี้มีวันวาเลนไทน์ (Valentine) ซึ่งคงมีคนพูดถึงที่มา มากแล้ว ผมเลยจะขอพูดถึงความรักในงานที่เราทำก็แล้วกัน
ผมคิดว่าคนทั่วไปเชื่อว่า หากเราจะทำอะไรสักอย่างให้ได้ดี และให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องมีความรักในงานที่เราทำ แต่สำหรับผม ผมคิดว่าจำเป็นต้องมีมากกว่านั้นครับ อย่างน้อยก็ต้องมีอีก2ข้อหลัก และ2ข้อย่อย ใน 2 ข้อหลักผมมักจะใช้คำว่า ต้องมีแรงบันดาลใจ (inspiration) และ ความกระหาย (passion)
ส่วน 2 ข้อย่อย(แต่หลายคนมักจะคิดว่าเป็นข้อหลักมากกว่า 555) คือ ทุนและโอกาส
ขอขยายในข้อย่อยก่อนก็แล้วกันครับ
ทุน ในที่นี้ มิได้หมายถึง เงินแต่เพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงความรู้ในเรื่องนั้นๆด้วย ซึ่งแน่นอน ในการเริ่มจะทำร้านกาแฟที่ตัวเองรักนั้นจำเป็นต้องใช้เงินทุนเป็นใบเบิกทางอันดับแรก เพราะต้องลงทุน ยิ่งอยากให้ร้านของตนเป็นที่สะดุดตามากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องลงทุนกับการตกแต่งมากมาย ในร้านสวยน่านั่ง แต่ทำไมผมถึงให้ เรื่องเงินเป็นข้อย่อยซะล่ะ ก็เพราะเท่าที่ผ่านมา ธุรกิจร้านกาแฟสดในเมืองไทย ผมมองว่าเป็นธุรกิจที่ฉาบฉวย คนจำนวนมากยังไม่เข้าใจ ไม่ได้ใส่ใจหรือให้ความสำคัญในเรื่องของการทำกาแฟที่เรียกว่า Espresso กันอย่างจริงจังมากนัก และเมื่อคิดลงทุนเปิดร้านกาแฟ ก็มักจะคิดแค่เรื่องจะทำอย่างไรให้ร้านของตนสวย บรรยากาศดีน่านั่ง ซึ่งนั่นก็ถูกแต่ไม่ทั้งหมด ในหลายๆครั้งที่ผมได้ไปนั่งดื่มกาแฟร้านอื่นๆหลายๆร้าน ยอมรับครับว่าร้านสวย น่านั่ง แต่มาตกม้าตายในเรื่องกาแฟซะเป็นส่วนใหญ่ เข้าทำนองสวยแต่รูป จูบไม่หอม บางร้านสวยมากแต่เครื่องชงและอุปกรณ์สำหรับชงกาแฟเล็กเกินไปสำหรับที่จะเหมาะแก่การชงกาแฟขาย พูดง่ายๆคือ ใช้เครื่องชงกาแฟที่เรียกว่าโฮมยูสนั่นเอง รวมถึงคุณภาพของเมล็ดกาแฟ ต่ำมากเพราะเน้นต้นทุนถูกเข้าว่า แต่ในขณะที่บางร้านเครื่องชงและอุปกรณ์ร้านกาแฟอลังการมาก แต่กลับชงกาแฟไม่เป็น ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตนเองทำ เช่นชง Espresso ลากช็อตยาวมาซะเต็มแก้วขนาดใหญ่ เป็นต้น เห็นแบบนี้ผมก็นึกเสียดายเครื่องขึ้นมาทันทีครับ เพราะฉะนั้นในเวลานี้ ใครมีสตางค์เยอะก็ทำร้านกาแฟได้ แต่จะมีสักกี่ร้านที่ทำร้านกาแฟที่เป็นร้านกาแฟจริงๆ
จึงจำเป็นต้องลงทุนในเรื่ององค์ความรู้ควบคู่ไปด้วย เพราะการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตมนุษย์ คือ การศึกษาหาความรู้ ครับ
2.เรื่องโอกาส บางคนมีเงินแต่ไม่มีโอกาส ก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน แต่ที่ผมละไว้เป็นเรื่องรองก็เพราะ โอกาสนั้นย่อมมีเสมอในคนที่มองหาโอกาส หากนอนรออยู่ที่บ้านเฉยๆ โอกาสนั้นคงมาไม่ถึงเช่นกัน หากยังไม่ได้โอกาสในเรื่องทำเลเปิดร้าน คุณก็ยังสามารถหาโอกาสศึกษาเพิ่มเติมในศาสตร์ของกาแฟได้ ซึ่งในปัจจุบันโอกาสที่จะให้เรียนรู้นั้นมีมากกว่าเมื่อ5-10ปีที่แล้ว แน่นอน
ซึ่งหากใครมีพร้อมทั้ง2ข้อย่อยนี้ได้ก็ ย่อมสามารถสร้างร้านกาแฟในฝันที่คุณต้องการขึ้นมาได้ และอาจจะทำได้ดีด้วย แต่ถ้าคุณมีอีก2ข้อใหญ่นี้แหละก็ ยิ่งดีมากๆครับ
ผมพบว่าในเวลาที่เราเริ่มเบื่อหน่ายกับการทำงาน เราจำเป็นต้องมีแรงบันดาลใจ (Inspiration)ครับ หรือในขณะที่เรายังค้นหาตัวตนของตัวเราเองยังไม่พบ เราต้องการไอดอล เพื่ออย่างน้อยให้เราได้มีธง สำหรับเป็นจุดหมายที่เราจะก้าวไป อย่างการเทลาเต้อาร์ต ในเบื้องต้นนั้น ผมไม่มีครูที่จะสอนผมครับ มีแต่คุณครู Youtube ที่พอจะเป็นแหล่งในการศึกษาหาแนวทางการทำ แต่ก็ไม่ค่อยประสบผลเท่าที่ควร จึงเริ่มเบื่อๆไม่ค่อยอยากทำ
แต่ในที่สุดผมก็ได้เจอไอดอลของผม ที่จุดประกายให้ผมกลับมาหัดเทลาเต้อาร์ตใหม่ แรงบันดาลใจของผมก็คือ คุณหมอพร (ตามอ่านเรื่องของหมอพรได้ที่นี้)
หมอพรก็หัดเทลาเต้อาร์ตด้วยตนเองเช่นกัน ประกอบกับไม่ได้ทำอาชีพขายกาแฟเป็นหลัก แต่อาศัยความเพียร หัดทุกวันจากเครื่องชงโฮมยูส ในที่สุดก็สามารถพัฒนาเทคนิคจนเทลาเต้อาร์ทได้อย่างงดงาม
ลายเซ็นต์ลาเต้อาร์ท อันเป็นเอกลักษณ์ของคุณหมอพร
ผมจึงมองว่าเรื่อง แรงบันดาลใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเมื่อใดที่เราขาดสิ่งนี้ไป เราจะเริ่มเป็นหุ่นยนต์ ทำเพราะต้องทำ แม้ทำได้ดีแต่จะขาดหัวใจที่ใส่ลงไปในงานนั้นๆครับ และแรงบันดาลใจก็ใช่ว่าจะมีแค่คนเดียว เราอาจจะมีได้ในหลายๆคน เพื่อในงานมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น
เรื่องสุดท้ายคือ ความกระหาย (Passion) หลายๆท่านอาจจะเรียกต่างๆกันไป แต่ผมชอบคำนี้ครับ “กระหาย” กระหายในความรู้ใหม่ๆเพื่อพัฒนาตัวเองและสินค้าของตนอยู่เสมอ กระหายที่จะทำให้ได้ถึงความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า เป็นต้น
ผมพบว่า เพื่อนๆของผมในสายอาชีพนี้ แต่ละคนมี Passion กันทุกคน อย่างพี่อุดม แห่ง Mister’ Lee ขอนแก่น ผมแค่ถามพี่ดมว่าทำไม พี่ถึงต้องซื้อเครื่อง Clover มาใช้ด้วย เพราะราคาที่ซื้อเครื่องชงตัวนี้ คุณสามารถถอยรถซิตี้คาร์ ได้อย่างสบายๆ 1คัน และที่สำคัญเครื่อง Clover ทำได้เพียงกาแฟดำร้อนเท่านั้น แถมยังขายกาแฟดำจากเจ้าเครื่องตัวนี้ในราคาเพียงแก้วละ 60 บาทเอง ผมถามว่าเมื่อไรจะคืนทุนล่ะพี่ พี่ดมตอบว่า ผมมองข้ามสเต็ปนั้นไปแล้ว สิ่งที่ Mister Lee’s ต้องการคือ สามารถทำกาแฟให้ลูกค้าได้เสพกาแฟที่ดีมีคุณภาพตามที่ผมต้องการ อย่างนี้ ไม่เรียกว่า Passion ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร นี่แค่หนึ่งตัวอย่างที่ผมเจอมา
พี่อุดมแห่ง Mister Lee’s ขอนแก่น
และนอกจากทั้ง 2 ท่านที่ผมเอ่ยมา ยังมีบุคคลในวงการกาแฟอีกหลายท่าน ที่ผมศรัทธา ชื่นชม และนำมาเป็นไอดอล ทั้งแรงบันดาลใน และ Passion อย่างเช่น คุณบุ๊ง ครูคัพปิ้งคนแรกของผมแห่ง Bangkok Espresso Lab, คุณวุฒิแห่ง Seat2Cup และคุณมดแดงไฟ , และพี่ไนซ์ พี่สาวแสนเก่งแห่ง P&F Coffee, พี่เก๋ พี่ชายที่แสนดีแห่ง Roytawan Coffee, คุณอ๋า BlueKoff ครูกาแฟคนแรกของผม, คุณซาน แห่ง Peaberry.Lmt เพื่อนที่ให้แนวคิดเรื่องธุรกิจกาแฟ, พี่ณรงค์ แห่งเบญจมิตร คอฟฟี่ พัทยา, คุณตู๋ EspressoMan, คุณเขมแห่ง October Coffee เชียงใหม่ เป็นต้น
นี่เป็นเพียงบางส่วน ที่ผมชื่นชมจากใจจริง (ขออภัยในหลายๆท่านที่ยังไม่ได้เอ่ยนาม) และเล็งเห็นว่า เขาเหล่านี้คือผู้ที่มีความรักในอาชีพที่เค้ารักเป็นอย่างมาก (บางครั้งอาจจะต้องเรียกว่า บ้า Crazy เข้าเส้นเลยก็ได้) โดยเฉพาะน้องชายอีกท่านหนึ่งที่ผมชื่นชมในการเทลาเต้อาร์ทเป็นอย่างมาก คนคนนั้นคือ คุณแน่ หรือน้าอิมแห่ง Impresso เชียงใหม่ ที่เมื่อวันคริสต์มาสอีฟที่ผ่านมา โชคร้ายถูกอันธพาลรุมทำร้าย บาดเจ็บสาหัส ต้องได้รับการผ่าตัดสมอง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเห็นได้เลยว่าน้องเขาคนนี้ มีความรักในกาแฟมากมายสักเพียงใด นั่นคือ เมื่อลืมตาหลังการผ่าตัดใหญ่เสร็จสิ้นลง สิ่งที่ออกจากปากของเค้า ได้สะท้อนสิ่งที่อยู่ในใจของเขาออกมาได้อย่างทรงพลังในความรู้สึกของผม น้องแน่พูดสั่งงานกับลูกน้องว่า “ให้ไปเปิดร้าน ไปเช็คช็อตกาแฟ ระวังกาแฟเปรี้ยว กาแฟใกล้หมดให้ดูด้วย”
ลาย จตุคามรามเทพ ที่เคยโด่งดังในอดีต ก็มาจากฝีมือของ น้าอิม Impresso
แล้วคุณแน่ก็หลับต่อ ตื่นมาอีกครั้งก็ไม่รู้ว่าตนพูดอะไรไปก่อนหน้านี้ พูดง่ายๆคือ เขาพูดจากจิตใต้สำนึก ของเขานั่นเอง ในความห่วงใยที่มีต่อกาแฟ ที่มีต่อลูกค้าของเขา ปัจจุบันคุณแน่ อาการดีขึ้นตามลำดับ คาดว่าจะกลับมาโชว์ลาเต้อาร์ท ให้เราได้ชื่นชมกันอีกเร็วๆนี้ครับ
แล้วคุณล่ะ วันนี้คุณได้ทุ่มเทความรักแบบนี้ให้ใคร หรืออะไร หรือยังครับ
สุขสันต์วันแห่งความรัก(กาแฟ) นะครับ ^__^